คู่หูเตรียมสอบเนติบัณฑิต ผู้ช่วยผู้พิพากษา และอัยการผู้ช่วย

ฎีกาที่ 8040/2567: ไม่ผิด ป.อ. มาตรา 377 หากไม่ได้เป็นผู้ควบคุมสัตว์ขณะเกิดเหตุ

**ศาล:** ศาลฎีกา | **วัน Update:** 2025-06-21 | **หมวดหมู่:** กฎหมายอาญา

ภาพรวมฎีกา (Infographic)

👤

ประเด็นสำคัญ: ผู้ควบคุมสัตว์

ใครคือ "ผู้ควบคุมสัตว์" ตาม ป.อ. มาตรา 377?

🚦

ข้อเท็จจริงสำคัญ:

เจ้าของสุนัข (จำเลย) ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาล มอบหมายให้ผู้อื่นดูแลสุนัขแทน

📜

หลักวินิจฉัยศาล:

ผู้ควบคุมสัตว์ต้องอยู่ในสถานะที่ "สามารถควบคุมได้จริง" ขณะเกิดเหตุ แม้เป็นเจ้าของแต่ไม่อยู่ในสภาพควบคุมได้ ก็ไม่ถือเป็นผู้ควบคุม

ผลคำพิพากษา:

จำเลยไม่มีความผิด (ยกฟ้อง) เนื่องจากไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ควบคุมสัตว์ในขณะนั้น

สรุปสาระสำคัญเพื่อการจดจำที่ง่ายขึ้น

สรุปฎีกา

ฎีกานี้ชี้ชัดว่า การกระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 377 (ปล่อยปละละเลยสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย) ผู้กระทำจะต้องเป็น "ผู้ควบคุมสัตว์" ในขณะที่สัตว์นั้นก่อเหตุ โดยผู้ควบคุมจะต้องอยู่ในสถานะที่สามารถควบคุมสัตว์ได้จริง ไม่ว่าด้วยกำลังกาย อุปกรณ์ คำสั่ง หรือการลงโทษ

ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือ จำเลยเป็นเจ้าของสุนัข แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยป่วยหนักต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และได้มอบหมายให้บุคคลอื่นดูแลสุนัขแทน แม้จำเลยจะบกพร่องในฐานะเจ้าของที่ไม่กำชับเรื่องการดูแลสุนัข แต่ศาลฎีกาพิจารณาแล้วว่า จำเลยไม่ได้อยู่ใกล้ชิดสุนัขจนสามารถควบคุมพฤติกรรมก้าวร้าวของสุนัขในขณะนั้นได้ จึงไม่อยู่ในฐานะ "ผู้ควบคุมสัตว์" ตาม ป.อ. มาตรา 377 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้.

ฎีกาตัวเต็ม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8040/2567
		การกระทำอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 377 ต้องได้ความว่า ผู้กระทำความผิดต้องเป็นผู้ควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายแล้วปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ซึ่งการควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายมีวิธีการควบคุมที่แตกต่างกันไปตามสภาพและประเภทของสัตว์ สำหรับสุนัขแม้เป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์แต่ก็อาจมีนิสัยดุร้ายได้โดยธรรมชาติ เนื่องจากสุนัขเลี้ยงมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขป่าจึงยังคงมีสัญชาตญาณดิบในการเป็นนักล่าและนักต่อสู้อยู่ในตัวทำให้บางครั้งสุนัขมีพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรง การจะควบคุมพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรงของสุนัขได้นั้น ผู้ควบคุมจึงต้องอยู่ใกล้ชิดตัวสุนัขจนสามารถควบคุมสิ่งที่มากระตุ้นพฤติกรรมของสุนัข ช่วยลดทอนความก้าวร้าวของสุนัข และแยกสุนัขออกจากเหยื่อ ไม่ว่าด้วยการใช้แรงกายหรืออุปกรณ์ในการบังคับตัวสุนัข การออกคำสั่ง หรือการลงโทษ ดังนั้น ผู้ควบคุมสัตว์ดุตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 377 ต้องถือตามความเป็นจริง โดยผู้ควบคุมต้องอยู่ในสถานะที่สามารถควบคุมสุนัขได้ในขณะสุนัขออกเที่ยวไปแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรงในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงมอบหมายให้ ส. เลี้ยงและดูแลสุนัขของจำเลยแทน แม้จำเลยเพียงแต่ฝากให้ ส. เลี้ยงดูสุนัขเป็นการชั่วคราวโดยมิได้กำชับให้ ส. ใช้ความระมัดระวังในการควบคุมดูแลสุนัขไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่นก็ตาม ก็ถือเป็นความบกพร่องในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าของสุนัขเท่านั้น แต่ในฐานะผู้ควบคุมสุนัขแล้ว จำเลยไม่ได้อยู่ใกล้ชิดตัวสุนัขของจำเลยจนสามารถใช้แรงกายหรืออุปกรณ์ในการบังคับตัวสุนัข ออกคำสั่ง หรือลงโทษสุนัขเพื่อป้องกันหรือห้ามปรามมิให้สุนัขเที่ยวไปแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรงกัดแกะของผู้เสียหายจนถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ควบคุมสัตว์ในขณะเกิดเหตุ การกระทำของจำเลยตามฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 377 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น